พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) เป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดยจักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต หลังจากที่ยึดครองคอนสแตนติโนเปิลในปี ค.ศ.1453 ได้ไม่นานนัก และทรงประทับอยู่ที่นี่จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อปี ค.ศ.1481 สุลต่านองค์ต่อๆมาก็ได้ถือธรรมเนียมประทับที่นี่กันตลอดมาจนถึงศตวรรษที่ 19 ในอดีตพระราชวังทอปกาปึเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็กๆคริสเตียนมาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารด้วยซ้ำ ในที่สุดสุลต่านมาห์มุทที่ 3 จึงตัดสินใจยุบระบบขุนนางทหารรับใช้ซึ่งยืนยงมากว่า 350 ปีนี้ลง และปฏิรูประบบการจัดการทหารในประเทศเสียใหม่ โดยการนำการจัดทัพแบบยุโรปมาใช้
เป็นพระราชวังเก่าแก่และเป็นสถานที่ชื่อดังของอิสตันบูลอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องแวะชมและรับรองว่าจะไม่ผิดหวังในความสวยงามล้ำค่าและอลังการมาก พระราชวังทอปกาปีมีความสำคัญทางประวิตศาสตร์เพราะเคยใช้เป็นที่ประทับขององค์สุลต่านมายาวนานหลายองค์สุลต่านมายาวนานหลายองค์ สุลต่านเมห์เมตที่ 2 โปรดให้สร้างพระราชวังทอปกาปีขึ้นบนสุดยอดทำเลที่จะเป็ฯเหมือนจุดชมวิวให้มองเห็นความสวยงามมุมอื่นๆทั่วบริเวณได้ชัดเจน จนเมื่อเข้าสู่ยุคของสุลต่านสุไลมานก็โปรดให้มีการต่อเติมพระราชวังทอปกาปีขึ้นอีกให้มีสถาปัตยกรรมในแบบออตโตมันคลาสสิค การต่อเติมครั้งนี้ใช้บริการจากสถาปนิกชาวตุรกีคนดังแห่งยุคนามว่าซีนาน (Sinan)
ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า อาทิ เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านโดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก, พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม ในอดีตภายในพระราชวังนี้จะมีข้าราชบริพารทำงานกันอยู่ประมาณ 5 พันคน จึงมีสภาพคล้ายตัวเมืองที่ซับซ้อนอยู่ในตัวเมืองอีกชั้นหนึ่ง ตัวพระราชวังนั้นได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรในยุคที่จักรวรรดิออตโตมาน รุ่งเรืองถึงขีดสุด สำหรับห้องที่โด่งดังและเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวมากที่สุดเห็นจะเป็นห้องท้องพระคลังอันเป็นที่เก็บสมบัติและวัตถุล้ำค่ามากมาย โดยมีกริชแห่งทอปกาปึด้ามประดับมรกตใหญ่ 3 เม็ด กับเพชร 86 กะรัตของช่างทำช้อน เป็นไฮไลท์ นอกจากนี้ที่บริเวณระเบียงหลังห้องท้อง พระคลังยังเป็นจุดชมวิวชั้นดีที่มองออกไปเห็นทิวทัศน์เมืองอิสตันบูลใน 2 ฝั่งทวีปได้เป็นอย่างดี