Category Archives: อินเตอร์เน็ต

ตะลุยตุรกี ชื่นชมความงามของกรวยหินแคปปาโดเชีย

แคปปาโดเชีย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศตุรกี มีลักษณะเป็นกรวยหิน กระจายตัวทั่วหุบเขามีความสูงจากระดับน้ำทะเล มากกว่า 1,000 เมตร ประกอบด้วยยอดภูเขาไฟที่มีภูเขา Erciyes เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดที่สูงราว 3,917 เมตร แคปพาโดเชีย มีอากาศแบบภาคพื้นทวีป ร้อนแห้งในฤดูร้อนและมีหิมะตกในช่วงฤดูหนาว โดยชื่อ แคปปาโดเชีย เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ ซึ่งเป็นชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ได้ตั้ง โดยทางองค์กรยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนเมืองใต้ดินแห่งแคปปาโดเชียเป็นมรดกโลกด้วย ทั้งนี้แคปปาโดเชียถือเป็นเมืองใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะที่เมืองใต้ดินแห่งนี้ขุดลึกลงไปถึง 10 ชั้น ประมาณ 90 เมตร และภายในเมืองใต้ดินยังแบ่งซอยเป็นห้องย่อย ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องอาหาร ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์  บ่อน้ำ โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อการศึกสงคราม หากเกิดสงครามผู้คนก็จะหลบไปอยู่ในเมืองใต้ดินกัน ทั้งนี้เมืองใต้ดินที่สำคัญ คือ ไคมักลึ  (The Underground City Kaymakli) ที่ใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูในยามสงคราม ซึ่งมีชั้นล่างที่ลึกที่สุด ลึกถึง 85 เมตร เป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น และมีอากาศถ่ายเทเย็นสบาย เนื่องจากมีการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นเมืองใต้ดินที่น่าอัศจรรย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเลยทีเดียว

ในการชื่นชมความงามของกรวยหินแคปปาโดเชียนั้น สามารถขึ้นบอลลูนเพื่อชมวิวมุมกว้างของแคปปาโดเชียได้ด้วย โดยสามารถชมความงามของ อุชหิซาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีจุดเด่นคือภูเขาขนาดใหญ่มีรูพรุนเหมือนรวงผึ้ง รายล้อมไปด้วยหินทรงกระโจม กรวยคว่ำ และเจดีย์เต็มไปหมด ที่สำคัญคือมีคนอาศัยอยู่ภายใน นับเป็นการอยู่อาศัยกับธรรมชาติที่พึ่งพิงที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง นอกจากบ้านคนแล้วยังมีหมู่บ้านของนกพิราบด้วย

จะเห็นได้ว่า ตุรกีมีเมืองอิสตันบูลเป็นเมืองใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุด ที่มีกรุงอังการาเป็นเมืองหลวง สำหรับแคปปาโดเชียเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของตุรกี เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งชาวเมืองยังมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ให้ได้ชื่มชมอีกด้วย

ตุรกีกับเสน่ห์แห่งธรรมชาติที่น่าสนใจ

ประเทศตุรกี เป็นประเทศท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมไปเที่ยวกันมากเพราะประเทศตุรกีมีธรรมชาติสุดอัศจรรย์ มีเมืองใหญ่อันดับสองของตะวันออกกลางและเป็นเมืองสำคัญที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวตุรกี โดยมีเป้าหมายที่เมืองอิสตันบูล เพราะอิสตันบูลนั้นเป็นเมืองใหญ่ที่มีความทันสมัย มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย เป็นเมืองติดริมทะเลทั้ง ทะเลมาไมร่า และทะเลดำ นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้เติมเต็มเสน่ห์ของอิสตันบูลให้ผู้คนมาเที่ยวตุรกีกันมากมาย นอกจากความโดดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวดังที่กล่าแล้ว สีสันของฤดูกาลยังมีความหมายต่อประสบการณ์การเดินทาง เนื่องจากมีกิจกรรมหลากหลายทั้งการแสดง เทศกาลประเพณี ความร่วมสมัยของวัฒนธรรมเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินตลอดปีก่อนสัมผัสสีสันธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีมนต์เสน่ห์ของตุรกีในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียง ด้วยเป็นสายการบินที่ได้รับการจัดอันดับเป็นสายการบินคุณภาพในเส้นทางนี้ได้พาเยี่ยมชม

ทั้งนี้อิสตันบูลยังเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ชีวิตชีวา อีกทั้งมีศิลปวัฒนธรรมความร่วมสมัยให้สัมผัสเพลิดเพลิน เมื่อมาถึงที่นี่ ไม่ควรพลาดชมความสวยงามของบ้านเมือง ซึ่งการล่องเรือชมทิวทัศน์บ้านเรือนหลายรูปแบบรูปทรงของสองฝั่งทะเลช่องแคบบอสฟอรัสเป็นอีกกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจ ทิวทัศน์ที่น่าประทับใจตลอดทางล่องเรือแบ่งเป็นตอนเหนือและตอนใต้ ซึ่งจะได้ชมสถานที่สำคัญมากมายไม่ว่าจะเป็นพระราชวังทอปกาปึ หอโบราณสมัยกรีก และไบเซนไทน์ พระราชวังโดลมาบาชเช่ ผ่านสะพานบอสฟอรัส บ้านพักตากอากาศสร้างด้วยปูน ไม้สีสันสวยสะดุดตา ส่วนในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีมนต์เสน่ห์เป็นที่กล่าวขาน คือ ปามุคคาเล่ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย ในความขาวโพลนราวกับภูเขาหิมะปกคลุมแห่งนี้เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางการมาถึง และในความขาวเจิดจ้าที่ปรากฏเกิดจากการตกผลึกของน้ำแร่ที่ไหลมาจากภูเขาหินปูนทางตอนเหนือ โดยครอบคลุมหน้าผาสูงที่ลดหลั่นไล่เรียงเป็นชั้นสวยสะกดสายตาเป็นความงามตามธรรมชาติที่น่ามหัศจรรย์ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวมองเห็นทัศนียภาพ ได้กว้างไกลเหมาะสำหรับบันทึกภาพความประทับใจอีกด้วย

ประเทศตุรกี ประเทศในฝันของนักท่องเที่ยว

ประเทศตุรกี เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวเมื่อไปเยือนแล้วอยากที่จะไปอีก เสน่ห์ของตุรกีอยู่ตรงที่เมื่อเปิดหน้าต่างออกไปจะพบกับทะเลสีฟ้าที่ล้อมรอบอยู่แทบจะทั้งเมือง เพราะมีแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดไหลผ่าน และการได้ไปเยือนนั้น เหมือนการอยู่คาบเกี่ยวระหว่าง 2 อารยธรรมที่มีคุณค่าของโลก

แหล่งชอปปิ้งในตุรกี คือ ตลาดแกรนด์บาซาร์ Grand Bazaar มีบรรยากาศและไสตล์เตอร์กิชอันยอดนิยมที่โด่งดังที่สุดในตุรกีเป็นตลาดเก่าแก่กว่า 1,500 ปี มีร้านค้ากว่า 4,000 ร้าน และมีสินค้าหลากชนิด หลายคุณภาพ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย ทั้ง  เสื้อแบบตุรกีที่เป็นของเก่าแก่ กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ นอกจากแวะชอปปิ้งแล้วตลาดเครื่องเทศ หรือ สไปช์มาร์เก็ต Spice Bazaar ก็เป็นสถานที่ยอดนิยมเช่นกัน โดยตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ตลาดตั้งอยู่ในร่มและเป็นตลาดใหญ่อันดับสองในอิสตันบูลรองจากแกรนด์บาร์ซาร์ ตลาดเครื่องเทศแห่งกรุงอิสตันบูลนี้สร้างตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องสินค้าที่นำเข้าจากกรุงไคโร สินค้าจะเป็นเครื่องเทศเป็นหลัก นอกจากเครื่องเทศ ถั่วชนิดต่างๆ รังผึ้ง และน้ำมันมะกอก แถมยังมีสมุนไพรบำรุงทางเพศอีกหลายชนิด นอกจากนี้  ทางเข้าตลาดมีสามทาง ด้านใต้จะเชื่อมไปสู่ลานหินหน้าสุเหร่า ติดกับถนนเลียบทะเลมาร์มะรา ซึ่งเชื่อมต่อปากทะเลสาบโกลเดนฮอร์น ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของอิสตันบูล หลังจากนั้นตรงท้ายตลาดเครื่องเทศมีประตูบานใหญ่อีกแห่ง จะมีทางเชื่อมซอกซอยเล็กๆ ที่เรียงรายด้วยร้านกาแฟ ร้านขายเครื่องโลหะ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ย่านตลาดคลองถม

ของฝากยอดนิยมของตุรกี คือ ดวงตาปีศาจ เป็นเครื่องรางที่ใครมาเที่ยวตุรกีแล้ว มักจะหาซื้อกลับไปเป็นของฝาก ชาวตุรกีมักจะนำไปแชวนบริเวณทางเข้าบ้าน  ความเชื่อในเรื่องดวงตาแห่งความชั่วร้ายมีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยอียิปต์และฮิตไตต์ และมีการนำมาแขวนไว้ที่คอด้วย

ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในประเทศตุรกีเป็นจำนวนมาก และยังมีภูมิอากาศที่เย็นสบาย มีหิมะตกบ้างเป็นบางวัน จนได้รับขนานนามว่าเมืองแห่งเจ้าชายปำ

ตุรกีเป็นหนึ่งในสองประเทศในโลกนี้ที่ตั้งอยู่บนสองทวีป

26

ชื่อตุรกีประเทศนี้อาจฟังดูน่ากลัวสำหรับบางคน ประชากรชาวแขกอาจยิ่งเพิ่มความน่ากลัวมากขึ้น แต่ก็นั่นล่ะ บางอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเอาเองเสมอไปครั้งแรกที่ได้มีโอกาสสัมผัสตุรกี ผ่านมาราวสามปีได้ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงก็เหมือนกับเพิ่งจะเมื่อวานนี้เอง หนึ่งเดือนในครั้งนั้นผ่านไปเร็วเหมือนโกหก อย่างที่ใครๆบอกว่า “เวลาแห่งความสุขนั้นผ่านไปเร็วเสมอ” เหตุการณ์ที่ทำให้ต้องจดจำและประทับใจอย่างหนึ่งคือ ความซื่อสัตย์และมีน้ำใจนี่เอง เรื่องของเรื่องก็คือ วันหนึ่งหลังจากจัดการอาหารเย็นในร้านเรียบร้อยก็ได้ออกมาเดินชมเมือง ตอนนั้นอากาศค่อนข้างหนาวทีเดียว กางเกงที่ใส่ซ้อนกันหนาๆ ทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่าธนบัตรเลื่อนออกมาและหล่นตามทางเดินที่เดินผ่าน จนกระทั่งมีหนุ่มตุรกีเดินตามมาสะกิดๆ แถมพูดเป็นภาษาเตอร์กิชอีก ต่อเมื่อเค้าชี้สลับไปมาที่พื้นข้างหลัง ที่มือเค้าถือเงิน และที่กางเกงเราที่มีเงินโผล่แว่บออกมาอีกใบ จึงได้เข้าใจอ๋อเอาเงินมาคืนให้นี่เอง คาดว่าจะก้มๆเงยๆเดินเก็บมาให้ เพราะนับแล้วครบรวมหกใบ .. (เฮ้อ หายไปเสียดายแย่) ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่พบเจอมา

นอกจากนี้เค้ายังมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าผู้มาเยือนคือคนที่พระอัลเลาะห์ส่งมาดังนั้นต้องเลี้ยงดูอย่างดี ได้สัมผัสเต็มๆก็ครั้งนั้นเอง ไม่ถึงกับแขกบ้านแขกเมือง แต่คิดว่าก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพื่อนๆในมหาวิทยาลัยแวะเวียนมาคุย พาไปเที่ยวชมเมือง ชิมอาหาร / ขนมจนพุงกางไม่เว้นวัน ซื้อของฝากของดีประจำเมือง แม้กระทั่งผ้าพันคอ เสื้อกันหนาวให้ .. แต่สำคัญที่สุดคือ ตลอดเวลาเราสามารถรับรู้ได้ถึงความปรารถนาดีของชาวเตอร์กิชและประกายความจริงใจของพวกเค้าผ่านดวงตาโตคมเข้มแบบแขก ที่แถมยังรับกันดีกับคิ้วโค้งสวยอีกต่างหาก ทั้งประทับจิตและติดใจเลยล่ะ เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า Turkish people are not as cold as European เพราะตุรกีเป็นหนึ่งในสองประเทศในโลกนี้ที่ตั้งอยู่บนสองทวีป นิสัยใจคอจึงได้ละม้ายทั้งชาวยุโรปแต่ก็มีรอยยิ้มและเป็นมิตรอย่างชาวเอเชีย ลองได้ลิ้มลองประสบการณ์แบบกึ่งยุโรปแต่อบอุ่นเหมือนไม่ได้ไกลบ้านไปไหนแล้วจะเชื่อจริงๆ เชื่อและชอบจนต้องไปอีกครั้งเลยทีเดียว

การขยายอำนาจของจักรวรรดิออตโตมันมีอิทธิพลอย่างมากในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา

26

บรรพบุรุษของชาวตุรกี เป็นชนชาติร่อนเร่เรียกว่าชนชาติฮัน (Hun) และเติร์ก (turkish) เคยอาศัยในชายแดนประเทศจีนและมองโกล ปัจจุบันคนตุรกีเรียกตัวเองว่าเติร์ก เพราะคำว่าเติร์กมีความหมายว่า มีอำนาจ พวกเขาทำสงครามกับจีนหลายครั้ง ในที่สุดก็ต้องแตกกระจายและอพยบไปเอเซียกลางในศตวรรษที่ 8-9 ลูกหลานที่ได้อพยบไปคาบสมุทรอานาโตเลียก็ได้ยอบรับ
ศาสนาอิสลามเข้ามา เกิดเป็นจักรวรรดิเซลจูก (Seljuk Empire) ในศตวรรษที่ 11 จักรวรรดิเซลจูกได้รวบรวมโลกแห่งอิสลามเป็นหนึ่ง และเรียกจักรพรรดิว่า สุลต่าน (sultan) จากนั้นก้เผชิญหน้ากับจักรวรรดิไบแซนไทน์ และปะทะกันในสงครามครูเสด

เมื่อจักรวรรดิเวลจูกเริ่มเสื่อม ออสมันที่ 1 ได้นำชาวเติร์กกลุ่มหนึ่งแยกตัวออกมาสร้างจักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire) ในเขตชายแดนของจกรวรรดิไบแซนไทน์และจักรวรรดิเซลจูก เมื่อปลายศตวรรษที่ 13 จักรวรรดิออตโตมันได้ผนึกกำลังเพื่อขยายดินแดน โดยยึดครองมาซิโดเนีย บัลแกเรีย และเซอร์เบีย ต่อมาสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ได้ยึดครองกรุงคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบัน คือ อิสตันบูล) เพื่อยึดไบแซนไทน์และขยายออกไปสู่ยุโรป แล้วขึ้นครองบัลลังก์เป็นสุลต่านผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอิสลาม ซึ่งอิทธิพลเหล่านั้นได้ขายยมาถึง ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา จากนั้นเวลิมที่ 1 ได้ขึ้นเป็นสุลต่านก็ได้ยึดครองคาบสมุทรอาหรับและอียิปต์ ต่อมาสุลต่านสุไลมานได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดให้กับจักรวรรดิออตโตมัน โดยการยึดครองฮังการี ส่วนหนึ่งของยุโรปตะวันออก และอิรักซึ่งได้รวมเอาแอฟริกาเหนือทั้งหมดยกเว้นโมร็อกโกให้เป็นหนึ่งเดียว

การขยายอำนาจของจักรวรรดิออตโตมันมีอิทธิพลอย่างมากในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา คือมีการขับเคลื่อนปฏิวัติวัฒนธรรมของศตวรรษที่ 14-16 ซึ่งประวัติศาสตร์โลกถือว่าเป็นการเริ่มปฏิวัติจากยุคกลางสู่ยุคใหม่หลังจากสมัยสุลต่านสุไลมาน อำนาจของจักรวรรดิออตโตมันเริ่มอ่อนแอลงจากการแย่งชิงอำนาจกัน จนศตวรรษที่ 19 ผู้มีอำนาจของยุโรปได้เข้ามาโจมตีจักรวรรดิออตโตมันทั้งสองด้านเพื่อแบ่งดินแดน ด้วยเหตุนี้กรีวและอียิปต์จึงได้รับอิสรภาพในขณะที่ทางด้านยุโรปตะวันออกเกิดการประท้วงเพื่ออิสรภาพอันดุเดือด จนในที่สุดจักรวรรดิออตโตมันก็แพ้ในสงครามดลกครั้งที่ 1 ช่วงนี้ได้เกิดการตั้งลัทธิชาตินิยมในตุรกี ผู้นำสงครามเพื่ออิสรภาพคือ นายพลมุสตาฟาเคมาล อะตาเติร์ก (Mustafa Kemal Ataturk) หลังจากเริ่มสงครามกับกรีซและกู้คืนดินแดนนายพลเคมาล ได้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีในปีค.ศ. 1923 และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นเวลา 15 ปีโดยได้ทำการปฏิวัติไว้มากมาย เช่น การยกเลิกระบบกาหลิบที่หมายถึงผู้นำกลุ่มของอิสลาม การให้ใช้ภาษาตุรกีแทนภาษาอาหรับ ริเริ่มให้ประชาชนให้นามสกุล และให้สิทธิออกเสียงแก่ผู้หญิง การปฏิวัติมากมายที่เกิดขึ้นกลายเป็นพื้นฐานของตุรกีในปัจจุบัน

แนวทางการพัฒนาระบบงานทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาชุมชน


สื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเศรษฐกิจสังคมที่ขยายตัวขึ้นจากพัฒนาการทางด้านที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาชุมชน เช่น ระบบหนังสือ ร้านค้าหนังสือในชุมชน ที่อ่านหนังสือ แหล่งเผยแพร่ความรู้และข้อมูลข่าวสารในชุมชน กิจกรรมความรู้และวัฒนธรรมการอ่าน ธุรกิจบันเทิงและกิจกรรมเศรษฐกิจสังคม การร้องคาราโอเกะซึ่งทำให้เกิดร้านค้าและการประยุกต์กิจกรรมที่สืบเนื่องกับการใช้สอยคอมพิวเตอร์ให้เกิดกิจกรรมสังคมในโอกาสต่างๆของชุมชนและภาคประชาชน ระบบไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารแบบไร้สาย ระบบเสียงตามสาย วิทยุชุมชน ระบบสื่อโฆษณาและการติดตั้งแผ่นป้ายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ออแกไนเซอร์เพื่อจัดงานเทศกาลและประเพณีต่างๆ และวิธีสื่อสารแบบต่างๆของชุมชน ตลอดจนทรัพยากรบุคคลและผู้มีความสามารถอันเป็นที่ยอมรับในความเป็นผู้นำอย่างเป็นธรรมชาติ

เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาชุมชน มิใช่สิ่งที่ชุมชนโดยทั่วไปไม่เคยมีอยู่ว่าเป็นสิ่งที่มีบทบาทสอดแทรกและผสมผสานอยู่ในกิจกรรมชีวิตและเป็นองค์ประกอบความเป็นชุมชนในท้องถิ่นต่างๆมากน้อยแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ไม่ได้จัดหมวดหมู่และจำแนกจัดระบบให้สามารถกล่าวถึงได้อย่างเจาะจงและดำเนินการต่างๆที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ขาดโอกาสเลือกสรรพัฒนาการทางวิทยาการและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นและไหล่บ่าเข้าสู่วิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนอย่างรวดเร็ว มาดำเนินการต่างๆให้เอื้อต่อการพัฒนาและจัดการความเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ดังที่ควรจะเป็น ซึ่งในอนาคตก็จะยิ่งเกิดแรงกดดันต่อวิถีชีวิตทางด้านต่างๆมากยิ่งๆขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ขาดระบบจัดการที่เหมาะสมเพื่อนำเอาประสบการณ์ทางสังคมและทุนทางปัญญาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมาเป็นพื้นฐานสร้างความเข้มแข็งยั่งยืนในการพัฒนาตนเอง ความจำเป็นที่เกิดขึ้นพร้อมกันไปทั้งสองด้านดังกล่าว หากชุมชน ตลอดจนประชาชนพลเมือง มีระบบดำเนินการเพื่อบูรณาการพื้นฐานเดิมของชุมชนกับสภาพแวดล้อมสมัยใหม่ของสังคมให้อยู่ในความสามารถเรียนรู้และพัฒนาวิธีจัดการต่างๆไปตามความเหมาะสมอยู่เสมอ ประชาชนและชุมชนก็จะมีระบบพัฒนาการเรียนรู้เพื่อจัดการความเปลี่ยนแปลงตนเองบนฐานการเรียนรู้และสามารถบูรณาการระบบภูมิปัญญาต่างๆ รวมทั้งสามารถพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ สร้างการจัดการระบบภูมิปัญญาที่ดี และพอเพียงกับความเป็นตัวของตัวเอง เข้าไปดำเนินการสิ่งที่ต้องการต่างๆได้อย่างเหมาะสม แนวทางการพัฒนาระบบงานทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาชุมชนดังต่อไปนี้ จึงนำเสนอพอเป็นแนวทางสำหรับพัฒนาระบบจัดการตนเองของชุมชนให้สอดคล้องกับความจำเป็น รวมทั้งจะเป็นอีกมิติหนึ่งของการปฏิรูปโครงสร้างการจัดการด้านการเรียนรู้ของชุมชน ให้สามารถสนองตอบต่อกับความจำเป็นต่างๆได้ดีขึ้น

การสร้างและสั่งสมภูมิปัญญาในระบบสังคมไทยที่นอกเหนือจากระบบการศึกษาสมัยใหม่นั้น เป็นกระบวนการที่ผสมผสานอยู่ในวิถีชีวิตและในกิจกรรมทางสังคมวัฒนธรรม ตลอดจนอยู่ในบริบทอันแตกต่างหลากหลายไปตามลักษณะท้องถิ่นของภูมิภาคต่างๆ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญและเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาชุมชนให้มีความต่อยอด เสริมความเข้มแข็ง และสืบทอดการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับชุมชนตามท้องถิ่นต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยสภาพที่เป็นทุนเดิมของชุมชนและท้องถิ่นต่างๆ

การสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนที่มีมายาวนาน

ทางเลือกบนฐานภูมิปัญญาท้องถิ่น

เกิดขึ้นจากผลกระทบจากการพัฒนากระแสหลักที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความทันสมัย สร้างผลกระทบมากมายต่อชุมชนท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม  ความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากร ปัญหาความยากจน ความแตกต่างระหว่างรายได้ของคนจนและคนรวย ความแตกต่างระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบท รวมทั้งปัญหาที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไปจากเดิม  คนต้องแสวงหาทางเลือกเพื่อความอยู่รอด จึงเกิดการพัฒนาทางเลือกขึ้นโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาของชุมชนโดยคนในชุมชนเอง เพื่อนำเสนอให้สังคมโลกได้รับรู้ว่าการพัฒนากระแสหลักไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป  แต่ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือการพัฒนาทางเลือกต่างหากที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของชุมชน

สังคมไทยในอดีตล้วนมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่แวดล้อมอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆเป็นตัวกำหนดรากฐานทางภูมิปัญญาดั่งเดิมที่สืบทอดมา แม้ว่ากระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงจะเป็นตัวแปรที่ทำให้สูญหายไปบ้า’ตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงเหลือร่องรอยอยู่บ้างโดยเฉพาะภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยีท้องถิ่นที่แสดงถึงประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถของชาวบ้านในการดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยใช้ศักยภาพของตนเองรังสรรค์และถ่ายทอดคุณค่าแห่งภูมิปัญญา ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกให้เราได้ทราบว่าในบรรพกาล บรรพบุรุษของเราได้สั่งสมวิวัฒนาการความเจริญก้าวหน้าทางอารยธรรม วัฒนธรรมต่างๆที่แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่

การเรียนรู้ภูมิปัญญาให้เด็กและเยาวชนเป็นผู้สืบทอดภูมิปัญญาจากผู้รู้ในชุมชน เพื่อให้เยาวชนสามารถจัดกระบวนการเรียนรู้ ถ่ายทอดประมวลผล ตลอดจนสนับสนุนให้เยาวชน และเชื่อมโยงเครือข่ายในการพัฒนาชุมชน และสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มเยาวชนสืบสานภูมิปัญญา ต่อสู้กับกระแสของการรุกของวัฒนธรรมยุคใหม่โดยการรวมกลุ่มเยาวชน และชุมชนโดยตระหนักถึงความสำคัญของชุมชน มีความเข้าใจรากเหง้า ความเป็นวัฒนธรรม แบ่งปัน เกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการศึกษาเรียนรู้วิถีการดำรงชีวิต ชุมชนภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีมาช้านานบนพื้นฐานของธรรมชาติที่เกี่ยวพันสอดคล้องกันกับวิถีชีวิตชุมชน

ภูมิปัญญาท้องถิ่นสามารถทำให้ความรู้เกิดประโยชน์แก่สังคมปัจจุบันได้

ประการแรกคือการอนุรักษ์ เป็นการบำรุงรักษาสิ่งที่ดีงามไว้ เช่น ประเพณีต่างๆ หัตถกรรม และคุณค่าหรือการปฏิบัติตนเพื่อความสัมพันธ์อันดีกับคนและสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟู เป็นการรื้อฟื้นสิ่งที่ดีงามที่หายไป เลิกไป หรือกำลังจะเลิก ให้กลับมาเป็นประโยชน์ การประยุกต์ เป็นการปรับหรือการผสมผสานความรู้เก่ากับความรู้ใหม่เข้าด้วยกัน ให้เหมาะสมกับสมัยใหม่ ซึ่งภูมิปัญญาชาวบ้านเหล่านี้ล้วนแต่เป็นความรู้ของชาวบ้าน ซึ่งได้มาจากประสบการณ์ และความเฉลียวฉลาดของชาวบ้าน รวมทั้งความรู้ที่สั่งสมมาแต่บรรพบุรุษ สืบทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง ระหว่างการสืบทอดมีการปรับ ประยุกต์และเปลี่ยนแปลง จนอาจเกิดเป็นความรู้ใหม่ตามสภาพการณ์ทางสังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม